“แม่จะไปเนปาลนะไปเที่ยวเนปาลช่วงไหนดีวิน” คำถามที่แม่โยนมาให้ตั้งคำถามกับตัวเองว่านี่คำถามหรือคำขิง ก็เลยตอบแบบส่งเดชทั้งที่ในใจก็ไม่ได้อยากไปไปว่า “ก็ไปช่วงหยุดยาวสงกานต์สิ เนปาลช่วงนั้นน่าจะกำลังสวย” และแล้วหลังจากจบบทสนทนานี้ กระเป๋าแพ็ค กล้องพร้อม ตั๋วจอง และการเดินทางไปเที่ยวเนปาลหน้าร้อนก็ได้เริ่มต้นขึ้น…
เนปาลหน้าร้อนมีอะไรหน้าสนใจ
“ไปเที่ยวเนปาลหน้าร้อนนี่นะ?” “ไปเนปาลและไม่เดินเทรคอีกหรอ?” คำถามเหล่านี้ถูกโยนเข้ามาทำให้ไขว้เขวเล็กน้อยก่อนทริปจะเริ่มในอีกไม่กี่อาทิตย์ก่อนไป จนต้องย้อนกลับมาถามตัวเองว่าเอ้อนั่นสิมันจะคุ้มมั้ยอุตส่าเสียเงินจองทริปไปแล้วกับการเดินทางครั้งนี้ ไปแล้วไม่เดินเทรคอีกเนี่ย แต่จะคุ้มไม้คุ้มก็คุ้มก็จองทริปไปแล้วและโอกาสได้เที่ยวก็นานๆทีที่จะได้ไปสัมผัสเมืองมรดกโลกที่ครั้งนึงเราฝันไว้ว่าต้องไปเหยียบให้ได้มันก็ต้อง…คุ้มสิ! เขียนมาถึงตรงนี้เพื่อนๆคิดว่าคุ้มมั้ยล่ะครับ?
| โอบกอดโดยหุบเขาหิมาลัย เมืองแห่งงานไม้และมนตร์เสนห์ชาวเนปาลี


ถึงกาฐมาณฑุ
กว่า 10 ชั่วโมงบนเครื่องบิน จากภูเก็ตต่อเครื่องที่มาเลเซียและมาถึงจุดหมายปลายทางยอดนิยมแห่งแรกในเนปาลนั่นก็คือกาฐมาณฑุ ระยะทางที่นานและความเพลียไม่ได้ทำให้ความตื่นเต้นของเราลดลงแม่เเต่น้อย เมื่อมาถึงสนามบินในช่วง 7 โมงเช้าเวลาที่นี่ก็ต่อเเท๊กซี่ที่ทำการจองกับโรงแรมไว้ละนั่งเข้าเมือง
เมืองกาฐมาณฑุถ้าเทียบกับกรุงเทพคงเล็กกว่ามากแต่ความหนาแน่นของจราจรและผู้คนคงยกให้เป็นที่หนึ่งรองจากอินเดีย (อินเดียยังดีกว่าในความคิดเห็นส่วนตัว) ความทึ่งแรกที่พบคือที่นี่ไม่ค่อยมีไฟแดงแต่เท่าที่สังเกตก็ไม่ค่อยมีอุบัติเหตุและถึงแม้รถจะเยอะคนบนถนนก็เยอะมากแต่ก็ยังไม่เห็นอุบัติเหตุหรือชนกันสักครั้ง
รถค่อยๆขับเข้าสู่ตัวเมือง อากาศเย็นปนอุ่นปะทะเข้ามาเรื่อยๆ ตึกราบ้านช่องค่อยๆเปลี่ยน ถนนค่อยๆแคบขึ้น ถ้าจะให้ทุกคนนึกออกก็คงบอกว่าบ้านเมืองเค้าเหมือนบรรยากาศในหนังเรื่อง DR.Strange ตอนมือหักแล้วไปรักษาตัวที่คาร์มาทาร์จกับปรมจารย์ Ocean one ตัวตึกจากดินผสมไม้ ผ้าสีส้มแดงแขวนประปรายยิ่งทำให้ที่นี่มีมนต์ขลังอะไรบางอย่าง และแล้วเราก็มาถึงที่พักในเนปาลแห่งแรก ณ เมืองกาฐมาณฑุ คืนแรกเราเลือกที่พักเนปาลในราคาประหยัดเนื่องจากเราต้องเดินทางไปยังเมืองอื่นในวันถัดไป เราเข้าพักที่โรงแรม Hotel Tradition and Spa เนื่องจากอยู่ใกล้แหล่งท่องเที่ยวในกาฐมาณฑุหลายแห่ง ถนนธาเมลกับจตุรัสกาฐมาณฑุ (Kathmandu Dubar Square) พนักงานต้อนรับเราเป็นอย่างดีพร้อมแนะนำและช่วยเหลือหลายอย่างมาก เสียดายที่ไม่ได้ถามชื่อไว้ เราพักผ่อน อาบน้ำกินบะจ่าง มาม่าและหมูหยองที่พกมาจากไทยเพิ่มเเรงก่อนจะได้เวลาตลุยเมืองศักดิ์สิทธิ์แห่งนี้…
จตุรัสกาฐมาณฑุดูบาร์ หัวใจของเมืองเกือบพันปี
จากโรงแรมเราเดินลัดเลาะตามซอกซอยไปเรื่อยๆ ตึกที่นี่ทำให้เราต้องหยิบกล้องมาถ่ายแทบจะทุกซอกมุม ถนนที่นี่มีความซับซ้อนเล็กน้อย ด้วยความที่ไม่มีป้ายข้างทางทำให้เราเดินวนไปวนมาอยู่หลายครั้งถึงแม้จะมีเจ้า google map ช่วยอยู่ก็ตาม
เเละเเล้วเราก็เดินมาถึงจตุรัสซึ่งเป็นสถานที่และจุดหมายปลายทางยอดนิยมของกาฐมาณฑุ ที่นี่ใช้ถ่ายหนังและละครหลายเรื่อง เเต่ถ้าเป็นของไทยหลายคนก็จะจำได้จากเรื่อง ธาราหิมาลัย และเเน่นอนว่าเราก็มาตามรอยเรื่องนั้นแหละ จตุรัสกาฐมาณฑุเป็นสถานที่ที่รวมสถานที่สำคัญของเนปาลหลายอย่างมาก ทั้งพระราชวังเก่า วัดตาเลจู หรือวังกุมารีที่พำนักของกุมารีเป็นต้น ที่นี่ต้องเสียค่าเข้าคนละ 1500 รูปี หรือราวๆ 400-500 บาท แต่เนื่องจากเราบังเอิญและไม่รู้เลยเดินทะลุเข้ามาทางโลคอลแบบงงๆและฟรี



ถ้าบอกว่าโดนนะจังงังเข้าที่หน้าคงจะไม่เวอร์เกินไป เมื่อเห็นตึกที่แกะสลักด้วยไม้ของที่นี่ มันช่าง…ละเมียด กลมกล่อม ลงตัว อ่อนหวาน สุนทรีย์ สวยงามอะไรขนาดนี้ บรรยากาศเหมือนหลุดเข้าไปอีกโลกนึง โลกย้อนยุค มันมีมนต์สะกดและมีเสนห์มาก งานศิลปะที่นี่สะท้อนศิลปะชาวนาวารีชนพื้นเมืองของชาวเนปาลเมื่อราวตั้งแต่ยุคกลางแต่ก็ยังเก็บรักษามาจนถึงสมัยนี้ได้ คงเรียกได้ว่าเป็นอีกหนึ่ง Masterpiece จริงๆของทริปนี้จริงๅ

สิ่งที่ตื่นเต้นมากที่สุดในวันนี้นอกจากการได้มาเห็นมรดกโลกแล้วคือการได้มาดูกุมารี ที่หลายคนรู้จักกันในเทพธิดาผู้มีชีวิตจริงของชาวเนปาล คนที่นี่เชื่อว่ากุมารีเป็ปางหนึ่งของเทวีตะเลจูที่เป็นความเชื่อของชาวฮินดูผสมทิเบต เเละคงเป็นความบังเอิญที่สองในวันนี้ที่เรากำลังนั่งกินไอติมอย่างเพลิดเพลินก็เห้นคนรีบมาต่อแถวในตึกข้างๆเลยรู้ว่าประตูสู่ตึกกุมารีกำลังจะเปิด เราเลยรีบพุ่งดิ่งเข้าไปทันที บรรยากาศข้างในมีเสียงจอแจของผู้คนและพอเทพธิดาบนดินกำลังจะประกฎตัวทุกคนนิ่งเงียบ ธิดาตัวน้อยเดินมาทักทายโบกมือให้พรก่อนกลับเข้าไปเสียงเริ่มกลับมาดังอีกครั้ง เคยได้ยินมาตั้งนานวันนั้ได้มาเห็นกับตาแล้ว อยากให้เพื่อนๆที่อ่านได้เห็นและสัมผัสกับตาตัวเองเหมือนกัน
สูดอากาศเย็นๆ ชมวิวหิมาลัยบนยอดเขาที่เมืองนาร์การ์ก็อต
ถ้าใครจะมาเที่ยวเนปาลหน้าร้อนและไม่เทรคเเล้วส่วนใหญ่ไม่เเวะที่เมืองโพคาราและก็มาแวะที่นี่ เมืองนาการ์ก็อตขึ้นชื่อว่าเป็นเมืองตากอากาศ อากาศเย็นบนยอดเขา วิวสวยและได้เห็นวิวเขาหิมาลัย เราเข้าพักกันที่โรงแรม The Fort Nagarkot ซึ่งเราเลือกที่นี่เนื่องจากตัวสไตล์โรงแรมที่มีกลิ่นอายของความเป็นเนปาล งานไม้ งานอินทีเรียและงานสถาปัตย์สวยและยูนีคและที่สำคัญเลยคือวิว เราต้องได้เห็นหิมาลัย และแน่นอนว่าเราไม่ผิดหวังเลยจริงๆยกเว้น…วิวหิมาลัยที่โดนฝุ่น PM2.5 ในช่วงนั้นบดบังหมดเลย เนื่องจากช่วงที่เราไปเป็นหน้าเผานาทำให้มีควันเยอะมากจนมองไม่เห็นวิวเขาเลย เเต่ถึงกระนั้นก็เรียกได้ว่าคุ้มมากแล้วที่เลือกโรงแรมแห่งนี้


บักตะปูร์ เมืองโบราณที่ยังมีชีวิต
เรามาต่อกันที่เมืองสุดท้ายและเป็นเมืองที่ในทริปนี้เราชอบที่สุดนั่นนก็คือเมืองบักตะปูร์ (Bhaktapu) เราพักในโรงแรม Hotel Central Bhaktapur ตามชื่อโรงแรมเลยคือห่างเพียงแค่ 5 นาทีจากตัวจตุรัสกลางเมืองหรือจตุรัสเมืองบัคตะปูร์ดูบาร์ (Bhaktapur Dubar Square) เจ้าของโรงแรมคุณ Jeewan ออกมาต้อนรับเราเป็นอย่างดี บริการและแนะนำแถมออกไปซื้อแปรงสีฟันให้ด้วย!
เมืองบักตะปูร์เป็นอีกหนึ่งในเมืองมรดกโลก การมาเยี่ยมที่นี่เลยต้องเสียค่าเข้าเมืองเพื่อดูเเลเมืองคนละ 1500 รูปี หรือ ราว 400-500 บาทเช่นเดียวกับกาฐมาณฑุ สิ่งหนึ่งที่ประทับใจมากของที่นี่คือการที่ตรอกและซอกซอยต่างๆเดินง่ายและน่าเดินกว่าเมืองกาฐมาณฑุมาก ศิลปะเเสนละเมียดจากชาวนาวารีชนพื้นเมืองของที่นี่คือสิ่งที่ทำให้เราหลงไหลที่นี่มาก! บอกได้เลยว่ามากๆ! งานแกะสลักไม้เเละงานสถาปัตยกรรมที่มองกี่ครั้งก็ไม่เคยเบื่อทำให้เราเดินอยู่จตุรัสนั้นได้ทั้งวัน และเชื่อว่าหลายคนที่กำลังอ่านและกำลังจะไปก็จะต้องรู้สึกแบบเดียวกันอย่างแน่เเท้
เทศกาลสาดสี Holi festival ความโชคดีของการได้เที่ยวเนปาล หน้าร้อนคือได้มีโอกาสเห็นเทศกาลหลายย่างและหนึ่งในนั้นคือเทศกาลนี้ ทั้งเมืองครึกครื้นและมีสีสันเป็นอย่างมากในช่วงนั้น เสียงกลองกลอง เสียงสนุกสนานของผู้คน สีสันจากการสาดสีให้กันแสดงถึงการเฉลิมฉลอง คนที่นี่จะใส่เสื้อสีขาวในเทศกาลนี้ สีสัน รอยยิ้มเเละเสียงครึ้กครื้นช่างเติมเต็มความสุขเราจริงๆ
เลยอยากบอกกับคนที่จะมาเที่ยวเนปาลแบบไม่เทรคและมาเนปาลในหน้าร้อน โดยเฉพาะผู้ที่สนใจในวัฒนธรรมของที่นี่แล้วจะบอกคุณว่าแค่นี้คุณก็จะคุ้มมากๆแล้ว
หลังจากจบเมืองนี้เรากลับมายังเมืองกาฐมาณฑุเก็บตกเมืองอีกสักเล็กน้อยพักกันที่โรงแรมที่สวยที่สุด ย้ำสวยที่สุดในเนปาลที่ชื่อว่า Khantipur Temple House ก่อนจะบินกลับไทย ไว้มีโอกาสจะมารีวิวโรงแรมนี้



_______________________________________________________
ข้อแนะนำสำหรับเที่ยวเนปาลหน้าร้อนและไม่เทรคเล็กน้อยจากเรา
- การเต่งตัว : เสื้อยืดขาสั้นและเเจ๊คเก็ตสักตัสก็เพียงพอแล้ว
- เดินทาง : ถ้าคุณจองกับโรงแรมให้จองเเท๊กซี่ด้วยเลยเนื่องจากสะดวกสุด เเต่ถ้าอยากหาเองแนะนำใช้ app Indriver เพราะราคาถูกมากและไม่ต้องต่อรองกับเเท๊กซี่อีก
- ทิป : คนที่นี่ขอทิปเยอะมาก ถ้าเที่ยวงบประหยัดควรคำนวนเรื่องทิปใส่เข้าไปในบัดเจ้ดด้วย
- เน็ต : สามารถซื้อเน็ตจากไทยมาใช้ที่นี่ได้เลย แต่ส่วนใหญ่ร้านหรือโรงแรมต่างๆมีเน็ตให้อยู่เเล้ว
- อาหาร : อาหารจะคล้ายชาวอินเดีย เน้นเครื่องเทศหน่อยๆ แต่ก็มีช้อยร้านอาหารที่สะอาดและดีๆเยอะมากเช่นกัน สำหรับใครที่ไม่ชอบอาหารเเนวเครื่องเทศก็ควรเตรียมมาม่ามาเผื่อ
- กาแฟ : ร้าน Himalayan jaya coffee คือร้านกาแฟที่ดีสุดของเนปาล มีหลายสาขามากต้องลอง
- เมมกล้อง : เตรียมมาเยอะๆเพราะเมมคุณจะเต็มเเน่ๆ 🙂
_______________________________________________________
หากชอบอ่านเรื่องราวแบบนี้ อย่าลืมให้กำลังใจด้วยการกด Share ด้วยนะครับ
และสามารถติดตามวินและพูดคุยกันได้ที่ช่องทาง https://www.instagram.com/dylanmrn
แล้วไว้มาเล่าเรื่องราวการท่องเที่ยวให้ฟังกันอีกครับ